วิธีกําจัดสิวอุดตัน
วิธีกําจัดสิวอุดตัน
ดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาดบนใบหน้า เลือกใช้เครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว เพราะความสกปรกที่เกิดขึ้นมาจากความไม่ตั้งใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นการลืมล้างมือแล้วเอามือไปสัมผัสใบหน้า หรือบางคนมีผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย แต่ยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เหล่านี้อาจเป็นตัวการทำให้เกิดสิวได้ เลี่ยงการสัมผัส เช็ดถูหน้า ครีมรักษาสิว หรือนวดหน้าแรง ๆ พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำให้มาก ๆ ในแต่ละวัน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลพิษมาก ๆ และสถานที่อับชื้น ฯลฯ หากรักษาตามวิธีด้านล่างแล้วแต่ยังไม่ได้ผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด เนื่องจากสิวอาจเกิดมาจากกรรมพันธุ์ก็ได้
หลีกเลี่ยงแสงแดด แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าที่เป็นสิวอยู่แล้วเผชิญกับภาวะที่รุนแรงมากขึ้น หากเราไม่ป้องกันแสงแดดที่จะกระทบต่อผิวหน้าของเราโดยตรง โดยในระหว่างการใช้ยาทารักษาสิวอุดตันเราจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผลิตภัณฑ์รักษาสิวส่วนใหญ่นั้นมักมีผลทำให้ผิวหน้าไวต่อแสง และที่สำคัญอย่าลืมล้างครีมกันแดดออกให้สะอาดหมดจดด้วยล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเกิดการอุดตันซ้ำซ้อนบนใบหน้าของเราได้จนรักษาไม่จบไม่สิ้นสักที ครีมรักษาสิวอุดตัน ควบคุมความมันบนใบหน้า เมื่อเราผ่านขั้นตอนการกำจัดสิวอุดตันออกมาจากผิวได้แล้ว สิ่งที่ควรทำอีกอย่างก็คือ ควรลดน้ำมันบนใบหน้าควบคู่ไปด้วย และอย่าให้อะไรมาอุดตันรูขุมขนของเราได้ ถ้าผิวหน้าไม่แพ้ AHA และ BHA เราอาจใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้เป็นประจำเพื่อช่วยในการป้องกันการเกิดสิวได้
ใช้เบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ หรือ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) หรือ ยาบีพี (สามารถช่วยลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง) มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น Benzac AC, Enzoxid, Brevoxyl (Water based), PanOxyl (Alcohol based), ACNEXYL (เนื้อเจล) เจลแต้มสิว เพียงแค่คุณนำมาใช้ทาให้ทั่วหน้าก่อนการล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นหรือก่อนนอน โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ยาประเภทนี้จะออกฤทธิ์ไปลดปริมาณไขมันที่ผิวหนังและช่วยละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน จึงช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันได้ สำหรับผู้เริ่มใช้ควรใช้ที่ขนาดความเข้มข้นต่ำก่อนนะครับ หรือขนาด 2.5% เมื่อผิวเริ่มชินกับยาแล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาการทาให้นานขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของยาเป็น 5% หรือ 10% ไขมันที่อุดตันก็จะถูกละลาย และสามารถกดออกมาได้โดยง่าย
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือ ยาละลายสิวอุดตัน เป็นสารสกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ (สามารถลดสิวอุดตันได้ในระดับดี) มีสรรพคุณช่วยละลายไขมันที่อุดตันให้อ่อนตัวและหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น แต่ยาทาจำพวกนี้ก็มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ผิวแห้ง แดงและลอก ไม่สามารถใช้กับสตรีตั้งครรภ์ได้ อีกทั้งการใช้ยากลุ่มนี้ก็ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง โดยยี่ห้อที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมอย่างล้นหลามก็คือ เรตินเอ (Retin-A)ครีมลดสิวผด ครับ ซึ่งจะมีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.025%, 0.05% และ 0.1% ยิ่งมีความเข้มข้นสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งละลายสิวอุดตันได้ดีเท่านั้น แต่ก็ทำให้ระคายเคืองผิวมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้เริ่มใช้ใหม่ ๆ คุณควรใช้แบบความเข้มข้น 0.025% ไปก่อนครับ หลังการใช้อาจทำให้ผิวหน้าแห้งลอกออกเป็นขุยและทำให้สิวเห่อขึ้นได้ แต่หลังจากใช้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว ผิวหน้าของคุณก็ค่อย ๆ ดูสดใสมากขึ้น ไม่มีสิวกวนใจ แถมริ้วรอยตื้น ๆ ยังจางลงอีกด้วย
แม้ยาชนิดนี้เป็นยาที่ได้รับการแนะนำให้ใช้มากที่สุด แต่ก็พบว่ามีคนแพ้มากกว่ายาตัวอื่นเช่นกัน ปัจจุบันจึงทำให้มีผลิตภัณฑ์เพิ่มเข้ามาอย่าง ทาซาโรทีน (Tazarotene) ยี่ห้อ Tazorac® และ อะดาพาลีน (Adapalene) ยี่ห้อ Differin® ซึ่งยาทาเหล่านี้ถ้าคุณไม่ใจเย็นและใจแข็งในการใช้จริง ๆ ก็อาจทำให้ถอดใจล้มเลิกไปกลางคันได้ เพราะตัวยามันจะเข้าไปทำให้ไขมันที่อุดตันในรูขุมขนดันตัวออกมาจากรูขุมขน เลยทำให้เหมือนจะเป็นสิวเยอะขึ้น (สิวเห่อ) ครีมลดสิว หลายคนจึงรับไม่ได้กับสภาพหน้าของตัวเอง จนเป็นเหตุให้หยุดใช้ยาไปเสียก่อน ยิ่งบางคนที่มีแบคทีเรีย P.acne รออยู่บนผิวเยอะ ก็จะยิ่งทำให้มีอาการอักเสบมากขึ้นเข้าไปใหญ่เลยล่ะ แต่อย่างที่บอกถ้าเราไม่เอามันออก มันก็จะอยู่กับเราตลอดไป ถ้าใครรักษาและอยู่ในช่วงนี้ก็ขอให้ทำใจไว้เลย หากผ่านมันไปได้ในอนาคตใบหน้าอันสดใสก็ไม่ไกลเกินเอื้อมมืออย่างแน่นอน และนอกจากนี้สารสกัดจากวิตามินเอจะช่วยเรื่องสิวแล้ว มันยังช่วยเรื่องริ้วรอยบนผิวหน้าได้อีกด้วย ยิ่งถ้าใช้อย่างต่อเนื่องกันนาน 3 เดือน รูขุมขนจะกระชับขึ้นและสิวลดลงอย่างแน่นอน :)
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA สำหรับใครที่ไม่สามารถใช้ Retinoids ได้ คุณอาจใช้สารสกัดประเภท AHA (Glycolic acid) และ BHA (Salicylic acid) ครีมรักษาสิว ก็ได้ ซึ่งยาเหล่านี้จะมีทั้งในรูปแบบโลชั่นและของเหลวให้เลือกใช้ แม้ว่ามันจะให้ผลช้ากว่า แต่ก็มีผลข้างเคียงน้อยกว่าด้วย โดยในส่วนของ AHA นั้นจะทำหน้าที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อเรากำจัดมันได้ ก็เหมือนเป็นการป้องกันการเกิดสิวไปได้ในตัว ส่วน BHA นั้นมันจะลงลึกเข้าไปในรูขุมขนเพื่อละลายไขมัน (ลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง) คนที่ใช้ BHA เป็นประจำจึงทำให้สิวอุดตันจะถามหาได้ยากมาก แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้สิวที่แข็งตัวนั้นหลุดออกมาได้ก็ตาม แต่ก็สามารถทำให้มันอ่อนตัวและเอาออกมาได้โดยง่าย
ยารับประทานกลุ่ม Retinoids อย่างเช่น Roaccutane, Isotretionoin ครีมรักษาสิวอุดตัน ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 10 และ 20 mg. (ใช้ตามลักษณะความรุนแรงของอาการ) เป็นยาที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันในร่างกาย ทำให้หน้าแห้ง หน้ามีความมันน้อยลง และยังลดคอมีโดนที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว เมื่อต่อมไขมันไม่ผลิตไขมัน สิวก็จะไม่เกิด แต่เนื่องจากเป็นยากลุ่มที่มีผลต่อตับอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ตาพล่ามัว มีอาการปวดข้อตามร่างกาย และยานี้ต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด
Comments
Post a Comment